Home อาหารเป็นยา 13 ผลไม้ไทยตระกูลเบอร์รี่ ช่วยต้านมะเร็งแบบไม่ต้องจ่ายแพง

13 ผลไม้ไทยตระกูลเบอร์รี่ ช่วยต้านมะเร็งแบบไม่ต้องจ่ายแพง

0
1

ใครจะรู้ว่านอกจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นำเข้าจากต่างประเทศที่เราคุ้นเคยกันดีแล้ว ประเทศไทยของเราก็มีผลไม้ตระกูลเบอร์รี่หลากหลายชนิด ที่ให้ทั้งรสชาติอร่อยและคุณประโยชน์ต่อสุขภาพโดยเฉพาะช่วยต้านมะเร็ง มีสารแอนโทไซยานินต้านอนุมูลอิสระ รวมถึงวิตามินต่างๆ เป็นจำนวนมาก

13 ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่สไตล์ไทยเหล่านี้มีอะไรบ้างไปทำความรู้จักกันเลย

1.ลูกหว้า

ลูกหว้าเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหวานอ่อน และมีลักษณะทรงกลมโตเล็กพอดีที่จะถือได้ในมือ มักจะมีเปลือกสีเขียวอ่อนโปร่งใส ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสดชื่นและเนื้อเย็นสบายของลูกหว้า

ลูกหว้าเป็นแหล่งที่มาของสารอาหารที่สำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องของวิตามินซี ลูกหว้ามีปริมาณวิตามินซีที่สูงมาก ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องร่างกายจากอันตรายของอนุมูลอิสระที่สร้างเกิดจากการเผาไหม้และการต่อสู้กับภาวะอื่นๆ ที่อาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคหรืออาการอื่นๆ ในร่างกาย วิตามินซียังมีบทบาทในกระบวนการสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นส่วนประกอบของเนื้อเยื่อผิวพรรณ ทำให้ผิวพรรณแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น

นอกจากวิตามินซีแล้ว ลูกหว้ายังมีสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์อย่างมาก เช่น คาร์โบไฮเดรต เป็นแหล่งพลังงานสำคัญที่มีส่วนช่วยในกระบวนการให้พลังงานแก่ร่างกาย เสริมความแข็งแรงและสมดุลในระบบประสาท ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหรือมีการใช้พลังงานมาก

2.มะเกี๋ยง

มะเกี๋ยง จัดเป็นผลไม้ป่าที่มีรูปร่าง และรสคล้ายหว้า แต่ผลป้อมสั้นกว่า นิยมใช้รับประทานสด นำมาใส่ต้มยำ และแปรรูปเป็นไวน์มะเกี๋ยง มะเกี๋ยงดอง มะเกี๋ยงแช่อิ่ม เป็นต้น ทั้งนี้ มะเกี๋ยงเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด นอกจากนั้น ยังสามารถนำสารสกัดเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางได้ด้วย

3.มะเม่า

หมากเม่า อดีตพืชท้องถิ่นหัวไร่ปลายนาไร้ค่า สู่เจ้าของฉายาทองคำสีดำแห่งเทือกเขาภูพาน หรือ ไทยบลูเบอร์รี่ ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ ตั้งแต่รากจรดใบ กินได้ทุกส่วน แถมมีสรรพคุณทางยาชั้นยอด

4.มะขามป้อม

มะขามป้อม ผลไม้ขนาดเล็กแต่ให้วิตามินซีสูง อาจจะเป็นผลไม้ที่หลายคนไม่ค่อยคุ้นเคย แต่ถ้าได้รู้ถึงประโยชน์ที่ได้รับจากผลไม้ชนิดนี้ เชื่อว่าจะทำให้ใครหลายๆ คนต้องรีบไปหามากินก็เป็นไปได้

5.ลูกหม่อน

ลูกหม่อน ชื่อนี้คนส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่ามันคือ มัลเบอร์รี่ หลายคนอาจจะร้องอ๋อขึ้นมาทันที เพราะมันก็คือ ผลไม้ในตระกูลเบอร์รี่ เช่นเดียวกับสตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ นั่นเอง ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์มากมาย

6.มะยม

ผลมะยมมีรสเปรี้ยว คนทั่วไปนิยมนำผลของมะยมตัวเมียมารับประทาน สามารถรับประทานสด นำไปดอง แช่อิ่ม เชื่อม กวน หรือทำเป็นแยม ส่วนมะยมตัวผู้ จะนิยมนำมาใช้เป็นยารักษาโรค

7.เชอรี่ไทย

เชอร์รีไทยมีวิตามินซีธรรมชาติในปริมาณสูงมาก มากกว่าส้มสดถึง 65 เท่า เชอร์รีไทย 1 ขีด เทียบเท่ากับส้มนับสิบ ๆ ลูก ลูกเชอร์รีไทยที่สุกพร้อมกิน มีวิตามินเอ เบต้าแคโรทีน ไลโคปีน และ แคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นญาติของ วิตามินเอ มากชนิดเชอรี่ไทยมีสารต้านอนุมูลอิสระ ชนิดพิเศษ ได้แก่ กลุ่มโพลีฟีนอลส์ ฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารแบบเดียวกับไวน์องุ่นราคาแพงนั่นคือ “เรสเวอราทรอล”

8.โทงเทงฝรั่ง

โทงเทงฝรั่ง (Cape Gooseberry)เป็นผลไม้ที่มีลักษณะเป็นผลเล็ก ๆ สีส้ม คล้ายกับมะเขือเทศ ที่มีกลีบหุ้มอยู่ มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานคล้ายสัปปะรด สามารถรับประทานเป็นผลสดหรืออาจนำไปประกอบอาหาร เช่น แยม ซอส การรับประทานโทงเทงฝรั่งอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งอาจช่วยต้านอักเสบ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน บำรุงสายตา อย่างไรก็ตาม การรับประทานผลโทงเทงฝรั่งดิบอาจทำให้ได้รับสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้

9.ตะขบ

ตะขบเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยพลังงาน เส้นใยอาหาร แคลเซียม โพแทสเซียม และโซเดียม จากการวิจัยพบว่าตะขบสามารถช่วยดูดซับคอเลสเตอรอล ลดความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ และเส้นเลือดในสมองแตกได้

10.ทับทิม

ทับทิมเป็นผลไม้อีกหนึ่งชนิดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน และที่สำคัญทับทิมยังมีรสชาติอร่อย ไม่ว่าจะกินสด ๆ หรือนำมาคั้นเป็นน้ำทับทิมก็ตาม ในเมล็ดทับทิมยังมีกรดที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย อย่างวิตามินเอ วิตามินอี ธาตุเหล็ก แคลเซียม และแมกนีเซียม ซึ่งเป็นธาตุสำคัญที่ร่างกายต้องการ และในปริมาณ 1 ถ้วยตวง (174 กรัม) ทับทิมให้แคลอรีประมาณ 144 กิโลแคลอรีค่ะ

11.เก๋ากี้

ผลโกจิเบอร์รีให้คุณค่าทางโภชนาการมากที่สุดในโลก โดยมีกรดอะมิโน 19 ชนิด มีแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการรวม 21 ชนิด ได้แก่ สังกะสี เหล็ก ทองแดง แคลเซียม ฟอสฟอรัส ซีลีเนียม และเจอร์มาเนียม (ช่วยฆ่าเซลล์มะเร็ง) มีวิตามินซีสูงกว่าส้ม 500 เท่า มีวิตามินบี 1 บี 2 บี 6 และวิตามินอี ช่วยปรับความดันโลหิตให้เป็นปกติ และช่วยฟื้นฟูสภาพเซลล์ที่ถูกทำลายจากสารเคมีหรือรังสีให้กลับสู่ภาวะป­กติได้เร็วขึ้น

12.มะเขือเทศ

มะเขือเทศ เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่จัดอยู่ในวงศ์เดียวกันกับมะเขือ มีสี ขนาด และลักษณะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละสายพันธุ์ แต่สายพันธุ์ที่นิยมรับประทานมากที่สุดคือมะเขือเทศสีดา และมะเขือเทศเชอร์รี่ มะเขือเทศอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย โดยเฉพาะวิตามินซีและไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ และอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็งได้อีกด้วย

13.องุ่น

องุ่นแดงมีสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง ฟลาโวนอยด์ (flavonoid)และ เรสเวอราทรอล (resveratrol) วิตามินซีและสารอาหารอื่นๆ องุ่นแดงช่วยบำรุงผิวได้อย่างดีเยี่ยม สามารถป้องกันความเครียดที่เกิดจากปฏิกิริยาของอนุมูลอิสระและช่วยลดริ้วรอย อีกทั้งยังช่วยรักษารอยแผลเป็นและสิวให้หายเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มยืดหยุ่นของผิวและทำให้ผิวของคุณดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย

ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยสนับสนุนการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดีโดยมีกลไกหลักดังนี้

  • ใยอาหาร (ไฟเบอร์): เป็นเหมือนพรมปูพื้นในลำไส้ ช่วยให้การเคลื่อนไหวของลำไส้เป็นไปอย่างราบรื่น ใยอาหารแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ
  • ใยอาหารที่ละลายน้ำ:พบมากในเนื้อเบอร์รี่ เมื่อสัมผัสกับน้ำจะเกิดเป็นวุ้น ช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น ลดการดูดซึมไขมันและคอเลสเตอรอล
  • ใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ: พบมากในเปลือกเบอร์รี่ ช่วยเพิ่มปริมาณกากในอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้นและช่วยในการขับถ่าย
  • วิตามินและแร่ธาตุ:เบอร์รี่อุดมไปด้วยวิตามินหลากหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินเอ และแร่ธาตุสำคัญ เช่น โพแทสเซียม สังกะสี สารอาหารเหล่านี้ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงานได้ดีขึ้น และยังช่วยควบคุมระดับฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหาร
  • สารพฤกษเคมี:สารต้านอนุมูลอิสระที่พบในเบอร์รี่ เช่น แอนโทไซยานินและฟลาโวนอยด์ ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย ป้องกันความเสื่อมของเซลล์ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญไขมัน
  • พลังงานต่ำ:เบอร์รี่มีปริมาณน้ำตาลต่ำและใยอาหารสูง ทำให้ให้พลังงานต่ำ คุณจึงสามารถรับประทานได้ในปริมาณที่มากขึ้นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนักเพิ่ม

ที่มา : sanook.com

NO COMMENTS

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here