สมุนไพรสมุนไพรมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับยาทั่วไป คือ มีทั้งคุณและโทษ บางคนใช้แล้วเกิดอาการแพ้ได้ แต่เกิดขึ้นได้น้อย เพราะยาสมุนไพรไม่ใช่สารเคมี อาการแพ้จึงไม่รุนแรง (ยกเว้นพวกพืชมีพิษบางชนิด) แต่ถ้าเกิดอาการแพ้ขึ้น ควรหยุดยาเสียก่อน ถ้าหยุดยาแล้วอาการหายไป อาจทดลองใช้ยาอีกครั้งด้วยความระมัดระวัง ถ้ามีอาการแพ้เช่นเดิมเกิดขึ้น แสดงว่าเป็นพิษของยาสมุนไพร ควรหยุดยาและเปลี่ยนไปใช้ยาอื่น หรือถ้าอาการแพ้รุนแรงควรรีบไปพบแพทย์
อาการที่อาจเกิดจากการแพ้ยาสมุนไพรมีดังนี้
- มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง อาจเป็นตุ่มเล็ก ๆ ตุ่มโต ๆ เป็นปื้น หรือเป็นเม็ดแบนคล้ายลมพิษ อาจบวมที่ตา (ตาปิด) หรือริมฝีปาก (ปากเจ่อ)
- เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน (หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง) ถ้ามีอาการอยู่ก่อนรับประทานยา อาจเป็นเพราะโรค ไม่ใช่เพราะยา
3.หูอื้อ ตามัว ชาที่ลิ้น ชาที่ผิวหนัง
4.ประสาทรับความรู้สึกทำงานไวเกินปกติ เช่น เพียงแตะผิวหนังก็รู้สึกเจ็บ ลูบผมก็แสบหนังศีรษะ
5.ใจสั่น ใจเต้น หรือรู้สึกวูบวาบคล้ายหัวใจจะหยุดเต้น และเป็นบ่อย ๆ
6.ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะเหลือง และเมื่อเขย่าจะเกิดฟองสีเหลือง (เป็นอาการของดีซ่าน)
หากผู้ป่วยเป็นโรคร้ายแรง โรคเรื้อรัง หรือโรคที่ยังพิสูจน์ไม่ได้แน่ชัดว่ารักษาด้วยสมุนไพรได้ เช่น งูพิษกัด สุนัขบ้ากัด บาดทะยัก กระดูกหัก มะเร็ง วัณโรค กามโรค ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคเรื้อน ดีซ่าน หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ปอดบวม (ปอดอักเสบ) ไทฟอยด์ โรคตาทุกชนิด ไม่ควรใช้ยาสมุนไพรรักษา
ที่มา:thaihealth