นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ว่านหางจระเข้มีสรรพคุณทั้งการรักษาบาดแผล ต่อต้านการอักเสบ เป็นยาระบาย มีสารต้านอนุมูลอิสระ ฯลฯ จึงถูกนำไปใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว สนค.จึงได้ศึกษาข้อมูลว่านหางจระเข้ที่พบว่ามีโอกาสพัฒนาไปได้อีกไกล และสร้างรายได้เข้าประเทศได้อีกมาก
ทั้งนี้ จากข้อมูลของผลิตภัณฑ์เปิดตัวใหม่ทั่วโลก (Global New Products Database) ตั้งแต่ปี 2561 ถึงปัจจุบัน หลายประเทศนิยมนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั้งที่รับประทานได้และไม่ได้จำนวนมาก โดยผลิตภัณฑ์รับประทานได้ที่นิยมสูงสุดคือ น้ำผลไม้ รวม 1,193 รายการ โดยไทยเป็นแหล่งผลิตสำคัญอันดับ 2 ของโลก ผลผลิตส่วนใหญ่ของไทยอยู่ในกลุ่มน้ำผลไม้ อาหารสัตว์ ขนมขบเคี้ยว
ขณะที่ผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยมีศักยภาพ มีโอกาสพัฒนาไปได้อีกไกล แต่การยกระดับการพัฒนายังเผชิญความท้าทายอยู่มาก ทั้งกฎหมาย กฎระเบียบในประเทศ โดยเฉพาะการแปรรูปเป็นสารสกัดสมุนไพรที่ยังมีต้นทุนสูง ทำให้สารสกัดสมุนไพรไทยไม่สามารถแข่งขันด้านราคากับสารสกัด ที่นำเข้าจากต่างประเทศได้ หากรัฐบาลมีมาตรการส่งเสริมการผลิตสารสกัดสมุนไพร จะทำให้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยเติบโตแข่งขันได้ในตลาดโลก ช่วยสร้างรายได้ให้เกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรโดยตรง ล่าสุด ไทยมีพื้นที่ปลูกว่านหางจระเข้ 10,000 ไร่ ผลผลิตส่วนใหญ่ใช้ในประเทศ โดยตลาดการค้าปลีกผลิตภัณฑ์สมุนไพรของไทย มีมูลค่า 1,534 ล้านเหรียญ คิดเป็น 2.7% ของตลาดโลก และอยู่ในอันดับ 8 ของโลก.
ที่มา : thairath
